Pages

Tuesday, April 12, 2011

Washington: the evergreen state ตอน 1

งานชิ้นนี้คงจะเป็น blog แรกที่เล่าเรื่องราวการเดินทางถ่ายภาพของผม เนื่องด้วยว่ามีคนเสนอให้ผมเขียนสิ่งที่ไปพบ ไปเจอ ประสบการณ์ต่างๆที่ผมออกเดินทางรอบๆอเมริกา แต่คงเน้นเรื่องถ่ายภาพเป็นหลักครับ ว่าแล้วก็เริ่มกันเลยดีกว่า

ช่วงต้นเดือนเมษายนปีนี้ (2011) หรือไม่กี่วันที่ผ่านมานี้เอง ผมไปเที่ยวรัฐ Washington มาครับ เป็นรัฐอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือสุดของประเทศอเมริกา ไม่นับอลาสกานะครับ เมืองหลักของที่นี่ก็เป็นที่รู้จักกันดี Seattle นั่นเองครับ เมืองรองก็ Tacoma ซึ่งอยู่ติดๆกันนั่นเอง เวลานั่งเครื่องบินไปลง ก็จะบินไปที่ Sea-Tac Airport ซึ่งตั้งอยู่ระหว่างสองเมืองนี้นั่นเอง 

เนื่องจากว่าผมอยู่ซะ Southeast พอบินไปทาง Northwest ก็เสียค่าตั๋วโหดหน่อย แถมนั่งเครื่องกันจนเมื่อยเลยทีเดียวครับ การเดินทางจากสนามบินเข้าไปยัง Seattle ก็ไม่ยากเลย นั่ง Link Light Rail ราคา $2.50 one-way สามารถมาถึงใจกลาง Downtown อย่างย่าน Westlake ได้สบายครับ การคมนาคมใน Seattle และ area โดยรอบค่อนข้างสะดวกมาก มีรถเมล์ไปทุกที่ (แม้จะไม่ถี่มากนักสำหรับชานเมือง) ทำให้การเที่ยวคนเดียวพอเป็นไปได้มากครับ อย่างเช่น อยากเดินทางไป Olympic National Park ที่ผมจะกล่าวต่อไป ก็มี bus จาก Seattle นั่งต่อไปเรื่อยๆ หลายต่ออยู่ จนถึง Port Angeles ซึ่งใกล้กับอุทยานได้ โดยส่วนตัวผมคิดว่ารัฐนี้จัดระบบขนส่งมวลชนได้ดีเป็นลำดับต้นๆของอเมริกา ซึ่งเป็นประเทศที่ขนส่งมวลชนห่วยที่สุดที่ผมเคยสัมผัสมา 5555 ประมาณว่าไม่มีรถ เหมือนขาขาด แขนขาด

รัฐ Washington มีที่เที่ยวมากมายครับ หลักๆก็คือภูเขาทางตอนกลาง ด้านตะวันออกของ Seattle ที่เที่ยวหลักๆก็ Mount Rainier National Park และ North Cascade National Park พอเลยไปทางตะวันออกก็จะโล่งครับ แต่มีเนินเขาเป็นลอนสวยมาก โดยเฉพาะแถวเมือง Pullman หรือ Palouse มีการทำฟาร์ม มีลวดลายสีสันของไร่ข้าวโพดสวยเชียวครับ ผมคงเก็บเป็น destination ต่อๆไป ถ้ามาทางตะวันตกก็จะติดทะเล ด้วยลมทะเลนี้เอง ทำให้ธรรมชาติแถวนี้เป็นแบบ Rain forest หรือป่าดิบชื้น คลุมด้วยมอสเขียวๆมากมาย Olympic National Park เป็นที่ๆพลาดไม่ได้ใน zone นี้ครับ

มาแถบ Seattle นี้ถ้าไม่พูดถึงเรื่องอากาศเห็นจะไม่ได้ เพราะที่นี่ติดทะเล และอ่าวหลักก็มีส่วนโค้งเว้ามากมาย ทำให้ผืนทะเลแทรกตัวเข้ามาในแผ่นดินได้มาก ทั้งยังมีแนวภูเขาสูงอยู่ด้านหลังเมือง ทำให้ที่นี่ฝนตกเยอะมาก คล้ายๆกับภาคใต้บ้านเรา ฝนแปด แดดสี่ โอกาสที่จะเห็นฟ้าใสๆแทบไม่มีเลยครับ ถ้ามาช่วง Summer อาจจะพอได้เห็นอากาศดีๆบ้าง แต่ช่วงที่ผมไปทั้ง November กับ April ได้แดดนี่ถือว่าโชคดีสุดๆครับ ฉะนั้นมาเที่ยวแถบนี้ต้องทำใจเรื่องท้องฟ้าครึ้มๆนะครับ

วันแรกที่ผมไปถึง หลังจากที่ลงเครื่องที่ Sea-Tac แล้ว รับรถเช่ากันเรียบร้อย จุดหมายหลักในวันนี้มีสามที่ครับ คือ Snoqualmie Falls, Kerry park, และ University of Washington ซึ่งจุดหลังนี่ผมโชคดีมาได้ถูกเวลา ดอกซากุระที่มหาลัยกำลังบานสวยมาก ปกติจะบานช่วงเดือนปลายมีนา แต่เนื่องด้วยสภาพอากาศแปรปรวน อากาศเย็นยาวนาน จนทำให้ดอกมาบานช้าออกไปครับ (ที่ Tidal Basin, Washington DC ก็ยังมีดอกอยู่นานเช่นกัน)

หลังจากเผ่นออกมาจากสนามบินได้แล้ว ก็มุ่งหน้าไปหาอาหารไทยอร่อยๆทานที่ Little Thai Restaurant ซึ่งอยู่ติดกับ University of Washington ผมล่ะอิจฉาเด็กมหาลัยนี้จริงๆ มีข้าวคลุกกะปิอร่อยๆให้ทานได้เพียงแค่เดินสิบนาทีจากมหาลัยเท่านั้น!!! Campus ที่นี่สวยมากครับ เป็นที่ๆผมชอบเป็นลำดับต้นๆเลย ถ้าตั้งต้นที่ Red Square ซึ่งมีห้องสมุดเก่าแก่อยู่ตรงหน้า มองไปทางขวาก็จะเป็น Rainier Vista เป็นแนวตึก ตามชื่อเลยครับ มหาลัยเขาสร้างให้เป็นแนวมองไปเห็น Mt. Rainier พอดีครับ วางแผนไว้ได้ดีจริงๆ ส่วนมาทางซ้ายก็จะเป็นลานขนาดใหญ่ ผมไม่ทราบชื่อเหมือนกัน แต่ต้นซากุระเยอะมาก ปลูกเป็นแนวสี่เหลี่ยมเลยครับ ถ้าวันที่อากาศดีๆจะเห็นนักเรียนออกมาพลุกพล่านกันเต็มไปหมด ราวกับโหยหาแดดกัน ทั้งๆที่คนไทยเราเจอแดดทีไรหลบหนีเข้าร่มทุกที ก็เพราะสภาพอากาศที่เจอฝนแทบจะทุกวัน ทำให้ที่นี่หาแดดได้ยากเย็นมากครับ



จากนั้นก็เดินทางไป Snoqualmie Falls อยู่ไม่ไกลจาก Seattle เลยครับ ขับรถประมาณ 45 นาที เป็นน้ำตกสูงประมาณ 80 เมตรเห็นจะได้ น้ำแรงมากในช่วง Spring ผมแวะที่นี่ไม่นานมาก ราวๆ 30 นาที ดูน้ำตก สัมผัสละอองน้ำจากน้ำตกที่ฟุ้งแรงมากๆ เหมือนได้ไปไนเองการาเล็กๆเลย (ผมยังไม่เคยไปนะ 55) โชคดีมากที่วันนี้อากาศดีวันแรกในรอบสามอาทิตย์ครับ รุ่นน้องที่อยู่ Seattle เขาเล่ามาอย่างนั้น ทำให้บรรยากาศที่น้ำตกดีไปด้วย ผมอยู่ที่นี่ไม่ได้นาน เพราะรู้ตัวว่าเสียเวลากับ traffic รถติดหนักๆใน downtown อีกแน่นอน และเป้าหมายต่อไปของผมก็เป็นมุมที่มีชื่อเสียงของ Seattle ครับ



ปิดท้ายวันด้วย Kerry Park เป็นสวนสาธารณะเล็กๆ ในย่านชุมชนคนมีเงิน ขับรถขึ้นมาตาม Queen Anne Blvd ไม่ไกลจาก Seattle Center ครับ สวนนี้คงเป็นสวนในชุมชนธรรมดาไปเลย แต่ด้วยมุมตรงนี้เป็นมุมที่เห็นทั้ง Space Needle, Downtown, และในวันที่อากาศดีจะเห็น Mount Rainier ด้วย ทำให้มุมนี้เป็นมุมที่ดังมาก แนะนำให้มาครับ ใครผ่านไปผ่านมาก็ต้องมาถ่าย ผมเองมาแล้วสองรอบครับ การมารอชมพระอาทิตย์ตกก็สวยงามคุ้มค่ามากทีเดียว ตรง park มี sculpture เป็นสี่เหลี่ยมมีโค้งๆ เอามาเล่นเป็นกรอบในเฟรมภาพถ่ายก็แปลกตาอีกแบบครับ ลองดูครับ :) บ้านแถวนี้เป็นของคนมีฐานะ ทำให้บ้านดูน่ารัก สวยงาม เดินไปรอบๆก็ทำให้เพลินดีครับ และถ้าเดินไปทางตะวันตกจนสุด จะเจอ Marshall Park ซึ่งจะได้เห็นมุมของท่าเรือแบบเปิดกว้างที่สวยมากครับ




ตามแพลนของวันนี้ ผมว่าจะเดินทางไป Tulip Festival ที่ Mount Vernon ซึ่งเป็นเมืองทางตอนเหนือ ห่างจาก Seattle ไปประมาณหนึ่งชั่วโมงเศษๆครับ หลังจาก Kerry Park ก็ซื้อเสบียง แล้วขับรถสบายๆ ไปนอนที่นั่นในตอนค่ำ ผมเลือกพักที่ Tulip Inn ซึ่งราคาถูกที่สุดในแถบนี้แล้ว ยิ่งช่วง Festival นี่หาที่พักยากสุดๆเลยครับ

แต่ดูอากาศช่างไม่เป็นใจ โลกแปรปรวน อากาศเย็นล่วงเลยมาถึงต้นเดือนเมษายน งานเข้าผมแล้วสิครับ อุตส่าห์ดั้นด้นมาถึง Northwest เพื่อจะดูทุ่งทิวลิปสุดลูกหูลูกตา แต่ทิวลิปเจ้ากรรมยังไม่ยอมบาน แต่ผมก็ยังพอมีทุ่งดอก Daffodils ให้ชมเป็นของขวัญปลอบใจแทนในเช้าวันที่สองครับ สงสัยคงต้องมีมาซ่อม ฮ่าๆ ถ้าแนะนำ ลองเลือกช่วงกลางเดือนจะเหมาะสุดครับ อย่างน้อยก็มีความเป็นไปได้ที่ทิวลิปจะบาน แต่ถ้าเลยไปปลายเดือนก็อาจจะไม่สวยได้ครับ ขึ้นอยู่กับอากาศในแต่ละปีด้วยครับ




ตอนหน้าจะพาไปชม Olympic National Park สาวกเรื่อง Twilight น่าจะติดใจ เพราะที่นี่เป็นสถานที่หลักของเรื่องนี้เลยครับ แต่ผมไม่เคยดู เลยไม่ค่อยอินเท่าไหร่ 555

1 comment:

  1. รูปสวยมากคะ :)เห็นแล้วอยากไปบ้าง

    ReplyDelete